วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559

บทที่ 4 ซอฟต์เเวร์

ซอฟต์แวร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. ซอฟต์แวร์ระบบ
 
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์
 
1. ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software หรือ Operating Software : OS)
          หมายถึงโปรแกรมที่ทำหน้าที่ประสานการทำงาน ติดต่อการทำงาน ระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์ประยุกต์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้ Software ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำหน้าที่ในการจัดการ ระบบ ดูแลรักษาเครื่อง การแปลภาษาระดับต่ำหรือระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่องเพื่อให้เครื่องอ่านได้เข้าใจ
ซอฟต์แวร์ระบบ  เกี่ยวข้องกับการควบคุมการทำงานที่ใกล้ชิดกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มากที่สุด
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- ระบบปฎิบัติการ (operating systems) อาจแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
          1. ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (stand-alone OS)
          2. ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย (network OS)
          3. ระบบปฏิบัติการแบบฝัง (embeded OS)
- โปรแกรมอรรถประโยชน์ (utility programs)
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้เฉพาะด้านเท่านั้น แบ่งออกตามเกณฑ์ที่ใช้แบ่งได้ดังนี้
- แบ่งตามลักษณะการผลิตเป็น 2 ประเภท
                 ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเอง (proprietary software)
                 ซอฟต์แวร์ที่หาซื้อได้โดยทั่วไป (off-the-shelf software)
- แบ่งตามกลุ่มการใช้งาน ได้ 3 กลุ่มใหญ่คือ
                   กลุ่มการใช้งานทางด้านธุรกิจ
                   กลุ่มการใช้งานทางด้านกราฟิกและมัลติมีเดีย
                   กลุ่มใช้งานบนเว็บและการติดต่อสื่อสาร
การจัดหาซอฟแวร์ที่มาใช้งาน
          1. แบบสำเร็จรูป (Package Software)
                   หาซื้อได้กับตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง
                   นำไปติดตั้งเพื่อการใช้งานได้โดยทันที โดยมีบรรจุภัณฑ์และเอกสารคู่มือการใช้งานไว้แล้ว
                   อาจเข้าไปในเว็บไซท์ของบริษัทผู้ผลิตเพื่อซื้อได้เช่นกัน
          2. แบบว่าจ้าง (Custom Software)
                   เหมาะกับลักษณะงานที่เป็นแบบเฉพาะ
                   จำเป็นต้องผลิตขึ้นมาใช้เองหรือว่าจ้างให้ทำ
                   อาจมีค่าใช้จ่ายที่แพงพอสมควร
          3. แบบทดลองใช้ (Shareware)
                   ลูกค้าสามารถทดสอบการใช้งานของโปรแกรมก่อนได้ฟรี
                   ผู้ผลิตจะกำหนดระยะเวลาของการใช้งานหรือเงื่อนไขอื่น เช่น ใช้ได้ภายใน 30 วัน หรือ ใช้ได้ แต่ปรับลดคุณสมบัติบางอย่างลงอาจดาวน์โหลดได้จากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
          4. แบบใช้งานฟรี (Freeware)
                   สามารถดาวน์โหลดบนอินเทอร์เน็ตได้
                   ส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมขนาดเล็กและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการดาวน์โหลด
                   ให้ใช้งานได้ฟรี แต่ไม่สามารถนำไปพัฒนาต่อหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้
                   ลิขสิทธิ์เป็นของบริษัทหรือทีมงานผู้ผลิต
          5. แบบโอเพ่นซอร์ส (Public-Domain/Open Source)
                   Open Source = ซอฟต์แวร์ที่มีการเปิดให้แก้ไขปรับปรุงตัวโปรแกรมต่างๆได้
                   นำเอาโค้ดโปรแกรมไปพัฒนาและประยุกต์ใช้ได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
                   มีนักพัฒนาจากทั่วโลก ช่วยกันเขียนโค้ดและนำไปแจกจ่ายต่อ
                   ประหยัดเงินและค่าใช้จ่าย
                   การพัฒนาโปรแกรมทำได้เร็วขึ้น
 
     ซอฟต์แวร์กลุ่มการใช้งานด้านธุรกิจ
                   อาจแบ่งซอฟต์แวร์กลุ่มนี้ออกเป็นประเภท ได้ดังนี้
                 ซอฟต์แวร์ประมวลผลคำ (Word processing)
                 ซอฟต์แวร์ตารางคำนวณ (Spreadsheet)
                 ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูล (Database)
                 ซอฟต์แวร์นำเสนองาน (Presentation)
                 ซอฟต์แวร์สำหรับพีดีเอ (PDA Software)
                 ซอฟต์แวร์แบบกลุ่ม (Software Suite)
                 ซอฟต์แวร์สำหรับจัดการโครงการ (Project management)

                 ซอฟต์แวร์สำหรับงานบัญชี (Accounting)


บทที่ 3 องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์




องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์  
  
1.ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
2.ซอฟต์แวร์ (Software)
     2.1 ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
     2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
3. บุคลากร (People)
4. ข้อมูล/สารสนเทศ (Data/Information)

1.ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
vเป็นอุปกรณ์ที่จับต้องได้ สัมผัสได้ มองเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม มีทั้งที่ติดตั้งอยู่ภายในตัวเครื่อง (เช่น ซีพียู เมนบอร์ด แรม) และที่ติดตั้งอยู่ภายนอก (เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ จอภาพ เครื่องพิมพ์)

2.ซอฟต์แวร์ (Software)
• ส่วนของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บรรจุคำสั่งเพื่อให้สามารถทำงานได้ตามต้องการ โดยปกติแล้วจะถูกสร้างโดยบุคคลที่เรียกว่า นักเขียนโปรแกรม (programmer)
• เป็นองค์ประกอบทางนามธรรม ไม่สามารถจับต้องหรือสัมผัสได้เหมือนกับฮาร์ดแวร์
  1. แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
  2. ซอฟต์แวร์ระบบ
  3. ซอฟท์แวร์ประยุกต์
        2.1 ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)


•    ทำหน้าที่ควบคุมระบบการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีคือ ระบบปฏิบัติการหรือ OS (Operating System) มีทั้งที่ต้องเสียเงินอย่างเช่น Windows และให้ใช้ฟรี เช่น Linux เป็นต้น
2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
ซอฟต์แวร์ที่สามารถติดตั้งได้ในภายหลังจากที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการแล้ว
ปกติมุ่งใช้กับงานเฉพาะอย่าง เช่น งานด้านบัญชี งานด้านเอกสารหรืองานควบคุมสินค้าคงเหลือ
อาจมีบริษัทผู้ผลิตทำขึ้นมาเพื่อจำหน่ายโดยตรง มีทั้งที่ให้ใช้ฟรี ซื้อทำเอง หรือจ้างเขียนโดยเฉพาะ

3. บุคลากร (People)
บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์พอจำแนกออกได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกันคือ
3.1  ผู้ใช้งานทั่วไป
3.2  ผู้เชี่ยวชาญ
3.3  ผู้บริหาร
3.1 บุคลากร - กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป
ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ (User/End User)
เป็นผู้ใช้งานระดับต่ำสุด ไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญมาก
- อาจเข้ารับการอบรมบ้างเล็กน้อยหรือศึกษาจากคู่มือการปฏิบัติงานก็สามารถใช้งานได้
- บุคลากรกลุ่มนี้มีจำนวนมากที่สุดในหน่วยงาน
- ลักษณะงานมักเกี่ยวข้องกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป เช่น งานธุรการสำนักงาน งานป้อนข้อมูล งานบริการลูกค้าสัมพันธ์ (call center) เป็นต้น

       3.2 บุคลากร - กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ
3.2.1 ช่างเทคนิคคอมพิวเตอร์(Computer Operator/Computer Technician)
3.2.2 นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst)
3.2.3 นักเขียนโปรแกรม (Programmer)
3.2.4 วิศวกรซอฟต์แวร์ (Software Enginering)

3.2.5 ผู้ดูแลเน็ตเวิร์ก (Network Administrator)

3.3 บุคลากร - กลุ่มผู้บริหารบุคลากร - กลุ่มผู้บริหาร
• ผู้บริหารสูงสุดด้านสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ 
• หัวหน้างานด้านคอมพิวเตอร์ 
4. ข้อมูล/สารสนเทศ (Data/Information)

     ข้อมูล (DATA)
หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วใช้ตัวเลขตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ ต่างๆ ทำความหมายแทนสิ่งเหล่านั้น เช่น
·  คะแนนสอบวิชาภาษาไทยของนักเรียน
·  อายุของพนักงานในบริษัทชินวัตรจำกัด
·  ราคาขายของหนังสือในร้านหนังสือดอกหญ้า
สารสนเทศ (INFORMATION)
หมายถึง ข้อสรุปต่างๆ ที่ได้จากการนำข้อมูลมาทำการวิเคราะห์ หรือผ่านวิธีการที่ ได้กำหนดขึ้น ทั้งนี้เพื่อนำข้อสรุปไปใช้งานหรืออ้างอิง เช่น
·         เกรดเฉลี่ยของวิชาภาษาไทยของนักเรียน
·         อายุเฉลี่ยของพนักงานในบริษัทชินวัตรจำกัด
·         ราคาขายสูงสุดของหนังสือในร้านหนังสือดอกหญ้า
·         ข้อสรุปจากการสำรวจคำตอบในแบบสอบถาม
พื้นฐานการทำงานของคอมพิวเตอร์
หลักการทำงานพื้นฐานประกอบด้วยหน่วยที่เกี่ยวข้อง 5 หน่วย ดังนี้
1. หน่วยประมวลผลกลาง (central processing unit)
          ส่วนประกอบที่สำคัญภายในของซีพียู แบ่งออกได้ดังนี้
          1.หน่วยควบคุม (Control Unit)
          2.หน่วยคำนวณและตรรกะ (ALU : Arithmetic         and Logic Unit)
          3. รีจิสเตอร์ (Register)

2. หน่วยความจำหลัก (primary storage)
v ทำหน้าที่เก็บข้อมูลและคำสั่งตลอดจนผลลัพธ์ที่ได้จากการ
ประมวลผลของซีพียูเพียงชั่วคราวเช่นเดียวกัน
v  ปกติจะมีตำแหน่งของการเก็บข้อมูลที่ไม่ซ้ำกันที่เรียกว่า “แอดเดรส (address)
แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
2.1 รอม (ROM : Read Only Memory)
2.2 แรม (RAM : Random Access Memory)
3. หน่วยความจำสำรอง (secondary storage)
          ใช้สำหรับเก็บและบันทึกข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์ เพื่อเรียกข้อมูลนั้นใช้ในภายหลังได้ (เก็บไว้ใช้ได้ในอนาคต) มีหลายชนิดมาก เช่น ฮาร์ดดิสก์        ฟล็อปปี้ดิสก์ Flash Drive CD ฯลฯ
4. หน่วยรับและแสดงผลข้อมูล (input/output unit)
หน่วยรับข้อมูล
     คอมพิวเตอร์ทั่วไปจะมีหน่วยรับข้อมูลและคำสั่งเข้าสู่ระบบ
      แปลงข้อมูลผ่านอุปกรณ์นำข้อมูลเข้า เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ สแกนเนอร์ เป็นต้น
       ส่งต่อข้อมูลที่ป้อนเข้าให้กับส่วนของหน่วยประมวลผลกลาง เพื่อทำหน้าที่ตามคำสั่งที่ได้รับมา
       หากขาดส่วนรับข้อมูลและคำสั่ง มนุษย์จะไม่สามารถติดต่อสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้
แสดงผลข้อมูล
          แสดงผลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (เรียกว่า soft copy) เช่น จอภาพคอมพิวเตอร์
          หรืออยู่ในรูปแบบของ hard copy เช่น พิมพ์ออกมาเป็น กระดาษออกทางเครื่องพิมพ์
          อาจอาศัยอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ลำโพง สำหรับการแสดงผลที่เป็นเสียงได้

5. ทางเดินของระบบ (system bus)
            เส้นทางผ่านของสัญญาณเพื่อให้อุปกรณ์ระหว่างหน่วยประมวลผลกลางและหน่วยความจำในระบบสามารถเชื่อมต่อกันได้
           เปรียบกับถนนที่ให้รถยนต์วิ่งไปยังสถานที่ใดที่หนึ่ง หากถนนกว้างหรือมีมากเท่าใด การส่งข้อมูลต่อครั้งก็ยิ่งเร็วและมากขึ้นเท่านั้น
         จำนวนเส้นทางที่ใช้วิ่งบนทางเดินระบบ เรียกว่า บิต (เปรียบเทียบได้กับเลนบนถนน)
         จำนวนเส้นทางที่ใช้วิ่งบนทางเดินระบบ เรียกว่า บิต (เปรียบเทียบได้กับเลนบนถนน)